Step ทำ Portfolio เริ่มจาก 0 จนติดมหาลัย
ต้องเลือกก่อนว่าจะสมัครโครงการไหน? และคณะอะไร ต้องตอบให้ได้ ถ้าตอบไม่ได้ทำ PORT มั่วๆ ใส่แค่ผลงานที่เคยทำ โดนคัดทิ้งแน่นอน เพราะทุกอย่าง เขาระบุรายละเอียด สิ่งที่ต้องการไว้หมดแล้ว
– 10 ผลคะแนนสอบภาษาอังกฤษ / อื่นๆที่ช่วย เสริมความสามารถในคณะที่เราจะเข้า
– ทำ PORT ให้ตรงกับสิ่งคณะอยากจะเลือกคนแบบไหนเข้ามาเรียน
แต่พอร์ทที่สวยและดี ไม่ใช่ต้องจ้างทำนะ แต่พอร์ทที่ดีคือ พอร์ทที่สื่อสารไปยังกรรมการ ว่า “เลือกเด็กคนนี้สิ”
ห้ามใส่แค่ชื่อภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว ในหน้าปกใบรายชื่อ ที่ให้ลงคะแนน มันเป็นภาษาไทย! Port คนสมัครเป็นร้อยเป็นพัน ชื่อใกล้เคียงกัน น้องสะกดภาษาอังกฤษ กรรมการจะต้องพยายามแปล Eng เป็น ไทย มีโอกาส พลาด หาไม่เจอ ใช้ภาษาไทยเถอะครับ
ห้ามถ่ายรูปที่สวยเกินไป หล่อเกินไปจนดูแล้วไม่เหมือนกับรูปนักเรียนที่ส่งไปสมัคร เพราะนอกจากจะทำให้ดูไม่ออกแล้ว มีโอกาสทำให้อาจารย์ลงคะแนนพลาด หรือหารายชื่อ หรือ เกิดความไม่แน่ใจว่าใช้นักเรียนคนนี้ไหม
อยากจะเอาใจกรรมการ อย่าไปซีเรียสมาก เน้นออกมาแล้วสื่อสารความเป็นเรา และสอดคล้องกับคุณสมบัติ สิ่งที่คณะนั้นๆ ตามหา สำคัญกว่า
ก่อนทำต้องจัดหน้ากระดาษ โดยส่วนมากมือใหม่ทำ PORT จะละเลยคือ จะต้องเว้นระยะห่างจากขอบทั้งหมด 2 – 5 CM เพื่อเว้นสำหรับเข้าเล่ม และเว้นสำหรับเพื่อความสวยงาม
-TH Sarabun New
– Power Point หลายคนที่ถนัดก็จะชอบทำเพราะเนื่องจากใช้งานง่าย ไม่ต้องเรียนรู้ใหม่
เช็คก่อนพิมพ์ PORT ปกติเวลาส่ง PORT ส่วนมากนิยมเป็นแบบ Online เกือบหมดแล้ว ดังนั้นหากพิมพ์ PORT จะต้องเสียค่าใช้จ่าย 500 – 1000 บาทพี่เองไม่อยากให้น้องเสียตังเก้อ ดังนั้นเช็คดีว่าต้องพิมพ์ไหม ถ้าไม่พิมพ์ก็ส่งเป็นไฟล์ PDF
คนที่มีดี เก่ง กิจกรรมเลิศ แต่ไม่สามารถสื่อสารสิ่งที่มีนั้น ออกมาได้ ผ่าน #Portfolio ให้กรรมการเห็น ก็อาจไม่ใช่ผู้ผ่านคัดเลือกในรอบนี้ เช่นเดียวกันกับบางคนอาจไม่ใช่เก่งที่สุดแต่สื่อสารสำเร็จ ก็มีโอกาสเช่นเดียวกัน