สรุปให้ 30 ข้อ Portfolio ไม่สวย ผลงานน้อย แต่ติดมหาลัยได้

 

1.หน้าปก: แนวทางที่ง่ายแต่มีประสิทธิภาพ คือทำน้อยแต่ได้มาก อย่าใส่เยอะ รก อ่านไม่รู้เรื่อง ถ้ามีผลงาน ใส่ผลงาน ถ้วยรางวัลให้เห้นแต่หน้าแรก กิจกรรมเด่นๆ ตั้งแต่หน้าปกยิ่งดี
.
2.ข้อมูลส่วนบุคคล: ชื่อ, ติดต่อ, อีเมล, ลิงค์โซเชียลมีเดีย ต้องครบและยิ่งปัจจุบันสำหรับบางที่ มีการเข้ามาเช็คหน้า FB ด้วยว่าจริงๆแล้วเรามีบุคลิกลักษณะไหน
.
3.ประวัติส่วนตัว: บรรยายสั้นๆ เกี่ยวกับตัว อย่าพูดแต่น้ำ เวิ่นเว้อ สิ่งที่อสจารย์ดูไม่กี่จุด ประสบการณ์ ทักษะที่มี Hard Skill Soft Skill ต้องครบตามคณะที่สมัคร
.
4.ความสนใจและเป้าหมายอาชีพ อันนี้ห้ามขาด แทรกตรงไหนได้แทรก ยิ่งเหตุผลที่ควนศึกษาต่อห้ามขาดอย่างยิ่ง
.
5.ประวัติการศึกษา: สถาบัน, หลักสูตร, คะแนนสอบ อันนี้กรรมการก็ดูและให้ความสำคัญ ยิ่งคะแนนสูงยิ่งดี (ไม่ดราม่านะ) คะแนนสอบอะไรดีเอามาให้หมด ถึงไม่ดีมากก็ยื่นเลย เพราะ ดีมีกว่าไม่มี คนไม่ใส่คะแนนก็เยอะแยะไป

6.ประวัติฝึกงาน: สถานที่, ชื่อตำแหน่ง, งานที่ทำ, ผลงาน ถ้าได้ทำต้องใส่ให้ครบ ทำอะไรบ้าง จับงานไหน เป็นผู้นำไหม ได้อะไรจากฝึกงาน

.
7.ทักษะและความสามารถที่มีโคตรสำคัญ นำเสนอให้ดีเพราะโดยปกติ อาจารย์จะดูจุดนี้เป็นพิเศษ ต้องเกี่ยวข้องกับคณะที่จะเข้าด้วย
.
8.ตัวอย่างผลงานที่นำเสนอ ต้องตรงตามโจทย์ถ้าไม่มีก็ต้องพยายามหามา ถ้าหาไม่ได้โอกาสติดก็ต่ำ
.
9.รายงาน / โครงงานวิทย์ยาศาสตร์ ผลงานอื่นๆที่ต้องอาศัยเวลาทำ (ถ้ามี)ใส่มาด้วย เขียนมาให้ดี เพราะอาจารย์จะสนใจเป็นพิเศษ
.
10.เกียรติประวัติ/รางวัลที่ได้รับ เป็นจุดตัดคะแนน หากได้เยอะโอกาสเยอะ ได้น้อยโอกาสน้อย แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีรางวัลเยอะ และ การที่จะติดใน 10,000 คนแรก อย่างมากก็ 1000 – 3000 ก็เยอะแล้วที่เหลือเป็นโอกาสของเรา อย่ายอมแพ้
.

11.รายการการฝึกอบรมหรือสัมนา อันนี้ยิ่งทำเป็นตารางเห็นว่าเราเข้าร่วมเยอะและการอิบรมหรือกิจกรรมที่เราร่วมยิ่งตรงกับคณะที่เราจะเข้ายิ่งได้คะแนนไป
.
12.บทความ, บล็อก, หรืองานเขียนอื่น ๆ ช่องยูทูป ช่องติ๊กต่อก (ถ้าเกี่ยวข้อง) ให้ใส่มา
.
13.ลิงก์สู่ผลงานทางสื่อออนไลน์ (ถ้ามี)
.
14.รีวิวหรือคำขอบคุณจากครู / คนที่เราฝึกงานด้วย / สถานที่อบรม หรือเรียน ใส่มาด้วยเพราะช่วยยืนยันความสนใจเราได้ ขณะที่เพื่อนคนอื่นไม่มี
.
15.การบริจาคหรืองานอาสาที่ทำ ถ้ามีก็ใส่มาในกิจกรรมอาสาเพราะส่วนมากจะต้องการคนที่ชอบทำกิจกรรม
.

16.แผนการทำงานในอนาคต อยากเป็นอะไร ทำอะไร อีก 5 – 10 ปีมองว่าตัวเองจะทำอะไร ยิ่งเขียนไว้ชัด เห็นตัวเองชัด อาจารย์ก็จะชอบ เพราะเด็กคนนี้กล้า และไฟแรง
.
17.การแสดงให้เห็นถึงการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี อันนี้จำเป็นพยายามแทรก เพราะสอดคล้องกับเหตุผลที่ทำไมเราต้องสอบ TGAT3 ก็ใส่ตั้งแต่ตอนนี้เลย
.
18.สิ่งที่น้องเรียนรู้หรือสิ่งที่ปรับปรุงในแต่ละโปรเจค เป็รการรีวิวสั้นๆเพื่อให้อาจารย์เห็นพัฒนาการของเรา ไม่ใช่แค่เรียนๆแล้วจบ ไม่มีการพัฒนา อาจารย์คนสอน ชอบคนที่พัฒนาเก่ง พัฒนาไว
.
19.วิธีการจัดการกับปัญหาและความท้าทาย หลายครั้งมีการตัดสินใจยาก เช่น ในอาชีพแพทย์ บริหาร หรืออื่นๆ จะต้องใช้ความกล้าตัดสินใจ โชว์จุดนี้ด้วย
.
20.การพิสูจน์ว่าน้องเก่ง ต้องยอมรับว่าใครๆก็อยากได้คนเก่ง คะแนนช่วยได้ การตอบคำถามช่วงสัมภาษณ์ ช่วยได้
.

21.ทำให้อาจารย์เห็นว่าน้องเป็นคนที่มีความกระตือรือร้น มี passion แรงกล้าที่สุดใน 3 โลก
.
22.ถ้ามีรับงานเสริม ช่วงระหว่างเรียนให้ใส่มา เพราะแสดงถึงความอดทน ทำงานเป็นและใฝ่รู้
.
23.ภาษาที่น้องพูดได้ พูดได้เยอะก็ใส่มา หรือภาษาคอมพิวเตอร์ที่เรียนมาก็ใส่ได้
.
24.การใช้ซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง เช่น เป็นกราฟิกต้องรู้จัก photoshop เป็น คนจะเรียนภาพยนต์ต้องรู้จัก Premire Pro โปรแกรมพื้นฐาน MS word MS Exel ใส่มาได้หมด ถ้า .. เป็นสิ่งที่คณะต้องการ
.
25.การสอนหรือการถ่ายทอดความรู้ หากเราเคยถ่ายทอดความรู้ให้ใส่มาด้วยเพราะ ก่อนที่เราจะสอนคนอื่นได้แสดงว่าเราเข้าใจสิ่งนั้นแล้ว 90 – 100%
.

26.เวลาเขียนอะไร พยายามอ้างอิงด้วยหลักฐาน เช่น รูปถ่ายหรือเกียรติบัตร เพราะพูดลอยๆ อาจารย์ไม่เชื่อ หรือบางทีไปก๊อบมา ไม่ได้ตัดสิทธิ์บ้างก็มี
.
27.แรงบันดาลใจ พยายามนำเสนอในเล่มด้วยว่าเรามีแรงบันดาลใจยังไง มันทำให้ Portfolio มี Story เพราะ Story ทำให้เข้าถึงได้ง่าย
.
28.ความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเองและการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะหากเราเรียนไปแล้ว เลิก เรียนไปแล้วไม่ชอบ อาจารย์ไม่อยากให้คนที่ไม่ตั้งใจจริงผ่านหรอก
.
29.ลิงก์สู่ผลงาน หรือQR Code เพื่อดูผลงานเราต่อเพราะกระดาษไม่สามารถแสดงวิดิโอ เว็บไซต์ หรือผลงานอื่นๆได้ ให้ทำเป็น QR เพื่อให้อาจารย์ สแกนแล้วดูต่อ
.

30.สรุปว่าน้องมีทักษะอะไรบ้างอย่างที่น่าสนใจและทำไมเราถึงเหมาะสมในการเรียนคณะนี้

กดแชร์ ไว้อ่านอีกรอบ